ผู้ว่าฯ อยุธยา ร่วมพิธีเปิดโครงการ "สานใจไทย สู่ใจใต้" รุ่นที่ 42 และพบปะกับครอบครัวอุปถัมภ์ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยธุธยาจำนวน 20 ครอบครัว และเยาวชน 40 คน

ผู้ว่าฯ อยุธยา ร่วมพิธีเปิดโครงการ "สานใจไทย สู่ใจใต้" รุ่นที่ 42 และพบปะกับครอบครัวอุปถัมภ์ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยธุธยาจำนวน  20 ครอบครัว และเยาวชน 40 คน 

วันนี้ 24 เมษายน 2567 เวลา 09.30 น. ที่ ห้องมัฆวานรังสรรค์ ชั้น 3 สโมสรทหารบก (ส่วนกลาง) วิภาวดี กรุงเทพมหานคร นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดโครงการ "สานใจไทย สู่ใจใต้" รุ่นที่ 42 โดยมี
พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี  เป็นประธานคณะกรรมการอำนวยการ นายอารีย์ วงศ์อารยะ รองประธานคณะกรรมการอำนวยการโครงการ "สานใจไทย สู่ใจใต้" ประธานกรรมการอิสลามประจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นางสมทรง พันธุ์เจริญวรกุล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ว่าที่ร้อยตรี ดร. สมทรง สรรพโกศลกุล นายกเทศมนตรีเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมพิธีเปิดโครงการ

พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี เปิดเผยว่า โครงการ "สานใจไทย สู่ใจใต้" เกิดจากดำริของ ท่านพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ซึ่งได้รวมพลังทุกภาคส่วน เพื่อร่วมแสดงพลังของแผ่นดิน ในการมอบโอกาสการเรียนรู้ กับสร้าง ทัศนคติที่ดีต่อบ้านเมือง เพื่อไปเป็นประสบการณ์ชีวิต โดยผ่านกิจกรรมอันเป็นประโยชน์ต่างๆ ให้แก่เยาวชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ คำขวัญสำคัญที่ท่าน พลเอก เปรมฯ ได้ฝากไว้ให้เราก็คือ "เกิดมาต้องตอบแทนบุญคุณ แผ่นดิน" และ "ความเป็นไทย - ความเป็นธรรม ประโยคแรกมีความหมายที่ชัดเจนในตัวแล้ว จึงขอขยายความประโยคหลังว่า เรื่องความเป็นไทยนั้นเยาวชนทุกคนไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน จะอยู่ที่ใด นับถือศาสนาใด ย่อมร่วมเป็นเจ้าของและเป็นพลเมืองของประเทศไทยและมั่นใจว่าทุกคนรักประเทศนี้เท่าเทียมกัน เราทั้งหลาย ต้องระลึกเสมอว่า ความรัก ความเข้าใจซึ่งกันและกันบนพื้นฐานของความแตกต่าง เป็นหัวใจสำคัญที่จะนำมาซึ่งความสงบสุขในสังคมไทย ที่เราเรียกว่า "สังคมพหุวัฒนธรรม" ที่ประกอบด้วยความแตกต่างหลากหลาย แต่ก็ล้วนให้เกียรติและเคารพในความแตกต่างของกัน ส่วนคำว่า ความเป็นธรรม ก็หมายถึงความยุติธรรม ที่ตั้งมั่นบนหลักแห่งเหตุและผลยึดโยงกับความมี "คุณธรรม จริยธรรม" ซึ่งก็เป็นแนวทางการประพฤติปฏิบัติ ตามหลักของแต่ละศาสนาอยู่แล้ว ทั้งนี้เพื่อมุ่งหวังให้ผู้นับถือศาสนา ที่ต่างกัน ได้ใช้เป็นหลักพิจารณาในการดำเนินชีวิตตลอดจนร่วมกันสร้างความรัก ความสามัคคี ของคนร่วมชาติร่วมแผ่นดินไทย ขอให้เยาวชน "สานใจไทย สู่ใจใต้" ทุกคน ณ ที่นี้ เป็นจุดเริ่มแห่งพลังของความรัก ความสามัคคีทำความดี มีจิตอาสา ช่วยเหลือซึ่งกันและกันและช่วยชาติบ้านเมือง เมื่อพวกเราทำดี ก็เรียกได้ว่าเป็นคนดี ก็คือเป็นคนไทยที่ดี นั่นคือการ "เกิดมาต้องตอบแทน บุญคุณแผ่นดิน" ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ขอให้ทุกคนมุ่งมั่น มีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ ให้สำเร็จตามที่ตั้งใจไว้แม้ว่าห้วงกิจกรรมของโครงการ "สานใจไทย สู่ใจใต้" มีระยะเวลาสั้น แต่หากเยาวชนได้มุ่งมั่น ตั้งใจรับความรู้ด้านวิชาการ เร่งพัฒนาทักษะและเปิดรับประสบการณ์แปลกใหม่ที่กำลังจะเข้ามาเวลาช่วงนี้อาจจะเป็นเวลาที่วิเศษที่สุด ที่ส่งผลดีต่อความคิดของพวกเราในการดำเนินชีวิตในอนาคตต่อ

โดยในปีนี้โครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” รุ่นที่ 42 นี้ มีเยาวชนเข้าร่วม โครงการฯ จากจังหวัดปัตตานี 85 คน ยะลา 53 คน นราธิวาส 87 คน สงขลา 45 คน และสตูล 50 คนรวมทั้งสิ้น 320 คน จำแนกเป็นเยาวชนที่นับถือศาสนาอิสลามคน 234 และนับถือศาสนาพุทธ 86 คนเป็นชาย 152 คน หญิง 168 คน โดยมีระยะเวลาในการดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 17 เมษายน - 17 พฤษภาคม 2567 แบ่งเป็นกิจกรรมในค่ายต่างๆ ที่กำหนด รวม 15 วัน และพำนักกับครอบครัวอุปถัมภ์ 15 วัน

ข่าวจาก :อยุธยา Ayutthaya PR

 


image รูปภาพ

Line

คะแนนโหวต :
StarStarStarStarStar
แสดงความคิดเห็น
image
ความคิดเห็น